“ล่องเรือ” เพลงโฟล์กหวานละมุน ผสานกลิ่นอายความเป็นชนบท

“ล่องเรือ” เพลงโฟล์กหวานละมุน ผสานกลิ่นอายความเป็นชนบท

“ล่องเรือ” เป็นเพลงที่ได้ชื่อว่าเป็น “เพลงโฟล์ก” ในยุคทองของวงการดนตรีไทย นั่นก็คือช่วงทศวรรษ 1970-1980 ซึ่งนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูและสืบทอดวัฒนธรรมดนตรีพื้นบ้านของประเทศไทยอย่างจริงจัง “ล่องเรือ” ถูกแต่งขึ้นโดยศิลปินผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงเพลงลูกทุ่งอย่าง “สุรพล สมบัติเจริญ”

ก่อนที่จะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะนักแต่งเพลงและนักร้องระดับแนวหน้าของประเทศไทย ศุรพลได้เริ่มต้นเส้นทางดนตรีด้วยการเป็นนักดนตรีในบาร์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนและพัฒนาทักษะทางดนตรีอย่างจริงจัง การที่สุรพลได้คลุกคลีอยู่ในบรรยากาศของเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ทำให้เขาเข้าใจหัวใจของดนตรียอดนิยมในขณะนั้นเป็นอย่างดี

“ล่องเรือ” เป็นเพลงที่โดดเด่นด้วยทำนองอันไพเราะและเนื้อหาที่กินใจผู้ฟัง เพลงนี้เล่าเรื่องราวความรักของชายหนุ่มที่ต้องจากบ้านเกิดไปทำงานยังเมืองใหญ่ และเมื่อถึงวันกลับบ้านเขาก็หวังว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่เขารัก

Verse

Lyrics

มองดูท้องฟ้า ดาวเริ่มจะปรี่

การใช้คำร้องที่เป็นภาษาถิ่นและภาพที่วาดขึ้นด้วยจินตนาการทำให้ผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าและความคิดถึงของชายหนุ่มได้อย่างลึกซึ้ง “ล่องเรือ” จึงไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่ยังเป็นเพลงที่สะท้อนภาพชีวิตและความรู้สึกของคนชนบทในยุคนั้น

นอกจากทำนองและเนื้อร้องที่ไพเราะแล้ว “ล่องเรือ” ยังโดดเด่นด้วยการใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านไทยอย่างเช่น “พิณ”, “ฆ้องวงใหญ่”, และ “อุข” ซึ่งช่วยให้เพลงมีความเป็นเอกลักษณ์และความรู้สึกอบอุ่น

“ล่องเรือ” ได้รับความนิยมอย่างสูงเมื่อเปิดตัวในช่วงทศวรรษ 1970 เพลงนี้ถูกนำมาขับร้องและเรียบเรียงใหม่โดยศิลปินหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “สุนารี สิริประติวงศ์”, “โจอี้ บอย” และ “ปู วิถีราย” ความนิยมของเพลงนี้ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

การที่ “ล่องเรือ” ได้รับการร้องนำโดยศิลปินหลากหลายรูปแบบก็เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความclassicsic ของดนตรีไทยโฟล์ก เพลงนี้นับได้ว่าเป็นตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ดนตรียุคเก่าเข้ากับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมสมัยใหม่

“ล่องเรือ” เป็นเพลงที่คู่ควรแก่การฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าคุณจะกำลังรู้สึกเศร้าหรือมีความสุข เพลงนี้ก็สามารถให้ความบันเทิงและความสุนทรีย์แก่ผู้ฟังได้อย่างแน่นอน

ความเป็นมาของดนตรีไทยโฟล์ก

ดนตรีไทยโฟล์กมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา เพลงเหล่านี้มักจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านและมักจะสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความเศร้า ความสุข และความสูญเสีย ในอดีต ดนตรีไทยโฟล์กถูกถ่ายทอดกันปากต่อปากเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ช่วงทศวรรษ 1970-1980 “ดนตรีไทยโฟล์ก” ได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการหันกลับมาศึกษาและอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศ

ในช่วงเวลานี้ เกิดศิลปินนักร้องนักแต่งเพลงฝีมือดีขึ้นมามากมาย และมีการผสมผสานดนตรีไทยโฟล์กเข้ากับดนตรีสากล เช่น “ป๊อป” และ “ร็อค”

ผลที่ตามมาก็คือเกิดเพลงไทยโฟล์กหลากหลายแนวทาง ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจดนตรียอดนิยมในประเทศไทยได้อย่างกว้างขวาง

“ล่องเรือ” เป็นหนึ่งในตัวอย่างของเพลงไทยโฟล์กที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และยังคงเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน